สุภูตคาถา พิรุณศาสตร์คาถา (คาถาขอฝน ฉบับเต็ม)

สุภูตคาถา พิรุณศาสตร์ (คาถาขอฝน ฉบับเต็ม

๐ สมพุทธมุตตมมุฬารมหนตญาณ ,         สตตุตตม ทสพลกรุราธิวาส ,
สกการภาชนมงคณาน ,                           สทธาณเตนสตต สิรสา
นมามิ วีร วิสารทมปารคุณมพุราสี            ม ธีรนธโรปมธิตี ถิรธมมการ ,
ปารงคต ภวภยากรสาครสส ,                   สารญขเนสุ สุคตสิรสา นมามิ
โลเกกจกขุมตุลามลปญจจกขุ ,                 โลเกกสารมชรามรธมมสาร ,
โลเกกพนธุมรวินทุสหายพนธุ ,                โลเกกจารุติลก สิรสา นมามิ
วีโตปมานมปมาณมนาถนาถ ,                   สุทธ สุสุทธนยน นยนาภิราม ,
สสารจกกมถน วรธมมจกก ,                     จกกงกิโตรุจรณ สิรสา นมามิ
เนกขมมมนตพลวาริตราคยกข ,                เมตตมพุสา สมิตโกรธมหาหุตาส ,
ปญญาปทีปหตโมหมหนธการ ,                โลกตถจารุปฏร สิรสา นมามิ
มหาการุณิโก นาโถ หินาย สพพปาณิน ,    ปูเรตวาเทโว วสสตุ กาลโต.
มหาการุณิโก นาโถ สุขาย สพพปาณิน ,    ปูเรตวา ปารมี สพพา ปตโต สมโพธิมุตตม ,
เอเตน สจจวชเชน เทโว วสสตุ ฐานโส.    สุภูโต จ มหาเถโร มหากาโย มโหทโร ,
นีลวณโณ มหาเตโช ปวสสนตุ วลาหกาฉนนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา วสส เทว ยถาสุข.
จิตต เมสุสมาติต วิมุตตต                          อาตาปี วิหรามิ วสส เทวาติ.
อนุสสริตวา สต ธมม ปรมตถ วิจินตย ,     อกาสี สจจกริย ยโลเก ธุวสสสต .
ยโต สรามิ อตตาน ยโต ปตโตสมิ วิญญุต ,นาภิชานามิ สญจิจจ เอกปาณมปิ หีสิตา.
เอเตน สจจวชเชน ปชุนโน อภิวสสิย.        ถล นินนญจ ปูเรนโต ขเณนอภิวสสิย ,
เอวรูป สจจเสชพลสสิโต ,                        สจเจน เม สโม นตถิ เอสาเม สจจปารมีติ
สทธมมราชมปราชิตธมมเสน ,                 สทธมมเตชหตมารสุโฆรเสน ,
สทธมมเทสนมโนหรเภริโฆส ,                สทธมม สารมกุฏ สิรสา นมามิ
ยุตต คุเณสิ สกเลหิ สุนิมมเลหิ ,                โทเสหิ มุตตม ขิเลหิ สวาสเนหิ ,
พยามปปภาขจิตภาสุรลกขณาภา               มาโลปโสภิตตนุ สิรสา นมามิ
ปญญาทิวาวินิคคตเทสนาภา ,                   นิทธุตตสพพปรวาทฆนนธการ ,
การุญญวารินนิวาริตโลกตาป ,                  ทุกขคคิชาลวิสร สิรสา นมามิ
เญยยยญชน สกลเมว ปริคคหีต ,               ชาตาหิ ญาณกรุณาหิมหาชวาหิ ,
โลกสส ทุกขมวธุยย สุขปปทายี               โลกคคนาถมตุล สิรสา นมามิ
พยามปปภาวลยจารุสุรินทจาป ,                อุณณารุร สิวิสรุชชลวิชชุชาล ,
ธมมมพุวุฏฐิชนิต มิตสาธุสสส ,                สพพญญุเมฆมนฆ สิรสา นมามิ.
ปาโปปตาปนปรนนปรนตปนต ,              อจจนตสนตชนนชนน ชนคค ,
สมภคคสพพปปก สรณญชนาน ,             สพพาภิภุ ทสพล สิรสา นมามิ.
สุคตมมิตพุทธี โลกนาถ นมิตวา ,              กุสลมุปจิต ยนเตนเตชสสเทน ,
วิลยมุปนยนตโรคทุพภิกขทุกขา ,             วิปุลสลิลธารา วสสิโน โหนตุ เมฆา.

คำแปลคาถาขอฝน

๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการเนืองๆ ด้วยเศียรเกล้า อันน้อมไปด้วยความเชื่อ ซึ่งพระทศพลสัมพุทธเจ้า ผู้อุดมเลิศ ทรงมีพระญาณหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นผู้สูงสุดในหมู่สัตว์ ทรงทนธารด้วยพระกรุณา เป็นที่รองรับสักการะ ไม่เป็นภาชนะแห่งกิเลสเครื่องยั่วยวน
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระสุคตเจ้าผู้แกล้วกล้า ผู้ทรงมีพระคุณไม่มีเขตคั่น ดังน่านน้ำ ทรงเป็นนักปราชญ์ผู้ปรีชา เปรียบด้วยแผ่นดิน ทรงมีพระธรรมกายมั่นคง ทรงถึงฝั่งแห่งสาครอันเป็นแดนเกิดแห่งภัยคือภพ ทรงเป็นผู้ประเสริฐในหมู่ชน.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงมีพระจักษุ 5 ดวง หาที่เปรียบมิได้ ซึ่งเป็นดวงตาอันเอกในโลก ทรงมีธรรมอันไม่แก่ไม่ตายเป็นแก่นสาร ซึ่งเป็นแก่น อันเอกในโลก ทรงเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์อันเอกในโลก ทรงเป็นผู้สูงเด่น ทรงเป็นเอกในโลก ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงปราศจากเหตุที่ควรดูหมิ่น , ทรงเป็น ที่พึ่งของผู้อนาถาไม่มีประมาณ ผู้หมดจด , ทรงมีพระเนตรอันหมดจดดีเป็นที่น่าอภิรมแห่งนัยน์ตา , ทรงมีพระธรรมจักรเป็นเครื่องย่ำยีสงสารจักรทรงมีพระอุรุสำหรับเที่ยวไปกำหนดด้วยจักร.
๐ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงมียักษ์ คือ ความกำหนัดอันพระองค์ทรงห้ามเสียแล้วด้วยกำลังแห่งมนต์ คือ เนกขัมมะผู้มีไฟกองใหญ่ คือ ความโกรธ อันดับแล้วด้วยน้ำ คือ พระเมตตา ทรงมีความมืดมนใหญ่หลวง คือ โมหะอันขจัดแล้ว ด้วยประทีป คือ พระปัญญา ทรงเป็นดุจกองทอง อันเป็นประโยชน์แก่โลก.
๐ ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดมแล้ว , ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฤดูกาล.พระบรมโลกนาถทรงมีพระกรุณาใหญ่ ทรงยังพระบารมีทั้งสิ้นให้เต็มแล้ว, เพื่อความเกื้อกูล แก่สัตว์ทั้งปวง ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว, ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฐานะ.
๐ อนึ่ง พระมหาเถระชื่อสุภูต มีกายล่ำสัน มีท้องพลุ้ย , มีผิวดังนิล มีเดชมาก ด้วยเดชแห่ง พระมหาเถระนั้น พลาหกเทพบุตรทั้งหลายจงให้ฝนตกลงเถิด. กุฏิทั้งหลายของเรามุงบังแล้ว อยู่สบาย กันลมได้ ,
๐ ดูก่อนเทพบุตร ท่านจงให้ฝนตกตามสบายเถิด.จิตของเราตั้งมั่นดีพ้นแล้ว.เรามีความพากเพียร อยู่ ขอท่านจงให้ฝนตกเถิดเทพบุตรดังนี้.เราตามระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ แล้วคิดค้นอยู่ซึ่งอรรถอันยิ่ง , ได้ทำสัจจกริยาใด เป็นธรรมมั่นคงยั่งยืนในโลก.เมื่อใดเราระลึงถึงตนได้ เมื่อใดเราถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา ,นั้นเรารู้ตัวอยู่ไม่ได้แกล้งเบียดเบียนสัตว์แม้แต่ตัวเดียว. ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอมหาเมฆจงให้ฝน ตกเถิด ,
๐ ดูก่อนปชุนนเทพบุตร ท่านจงคำรามให้ฝนตกยังขุมทรัพย์ของกาให้ฉิบหาย.ท่านจงรุกรานกาเสีย ด้วยความโศก , เมื่อความสัตย์อันประเสริฐเราได้ทำแล้ว ฝนได้ตกลงพร้อมสัจจกริยานั้น. ตกพักเดียว ทำที่ดอนและที่ลุ่มให้เต็ม , เราอาศัยเดชและกำลังแห่งสัจจะ แล้วทำสัจจกริยาเห็นปานนี้ และความเพียรอันอุดม.ได้ยังมหาเมฆให้หลั่งฝนลงแล้ว ,สิ่งที่เสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้เป็นสัจจบารมีของเราดังนี้แล้ว.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้าซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงเป็นสัทธรรมราชา
ทรงมีธรรมเสนา อันไม่พ่ายแพ้ ทรงผจญมารและเสนามารผู้เหี้ยมหาญ
ด้วยเดชแห่งพระสัทธรรม มีพระสัทธรรมเทศนาอันกึกก้อง ดุจเภรีที่จูงใจ มีพระสัทธรรมอันอุดมเป็นมกุฏ.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ประกอบด้วยพระคุณทั้งสิ้น
ปราศจาก มลทินพ้นโทษทั้งมวลกับทั้งวาสนา มีพระกายงดงามด้วยระเบียบรัศมี มีลักษณะอันรุ่งเรือง ซึ่งประดับไปด้วยรัศมีข้างละวา.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำจัดปรวาทอันทำความมืดคลุ้ม ทั้งปวงด้วยแสง คือเทศนาที่พร่าออกจากดวงอาทิตย์ คือ ปัญญา มีกลุ่มแห่งเปลวไฟ คือ ทุกข์ ซึ่งแผดเผาโลกอันพระองค์ป้องกันไว้ด้วยน้ำ คือ พระการูญ.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำหนดชนที่ควรตรัสรู้ทั้งสิ้น ,ด้วยพระญาณและพระกรุณาที่เกิดขึ้นอย่างว่องไว ผู้ทรงบำบัดทุกข์แล้วประทานสุขแก่สัตว์โลก หาผู้เปรียบปานมิได้ในโลก.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงวลัย คือ พระรัศมีข้างละวา  อันงามดุจแล่งศรของจอมสุรโยธิน มีช่อแห่งพระรัศมีที่พระอุณาโลม อันรุ่งเรืองดุจประกายฟ้าแลบ ทรงยังน้ำฝน คือธรรมให้เกิดมีข้าวกล้า คือความดีอันทรงนับแล้ว มีเมฆ คือ พระสัพพัญญูอันหาค่ามิได้.
๐ ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระทศพลเจ้าผู้มีอันยังบาปให้เร่าร้อนเป็นเบื้องหน้า ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน มีความเกิดอันระงับโดยส่วนเดียว ผู้เป็นชนกแห่งสังฆรัตนะเป็นยอดของชน ทรงขจัดโทษเศร้าหมองทั้งปวงเสีย เป็นสรณะของชนทั้งหลาย เป็นใหญ่ในธรรมทั้งปวง. กุศลอันใด ที่ข้าพเจ้านมัสการพระสุคตโลกนาถเจ้า ผู้ทรงมีพระปัญญานับไม่ได้สร้าง สมไว้แล้วด้วยเดชอันกล้าแข็งแห่งกุศลนั้น ของโรคทุพภิกขภัย และทุกข์ทั้งหลายจงถึงความพินาศไป ขอเมฆอันมีสลิลธาราอันไพบูลย์จงยังให้ฝนตกลงเถิด. ฯ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น