กาพย์ภุมรา กาพย์ภมรา กาพย์แมลงภู่

กาพย์ภุมรา กาพย์ภมรา กาพย์แมลงภู่
ปริวรรคจากปั๊บสาใบลาน ฉบับดอยสะเก็ต จังหวัดเชียงใหม่
ธรรมจิตสวัสดี ผู้ปริวรรคแปลงแปลภาษาล้านนาเป็นไทย




              ภมรา...โอย...                         ภมราเอย
อันว่าแม่เผิ้ง แลแมลงพู่                    บนผะผู่ แล่นไพมา
ชมไกสอร กลิ่นคันธา                       สนสอดใกล้ ตอมดอกไม้ พระโพธิง
            เสียงหิ่งหิ้ง บินออกเข้า         เมื่อพระสิทธาตถ์เจ้า นั่งอยู่ภาวนา
ภมรา อันว่าภมเรศ                            นามเพศว่าปักขี
ผายสัททะ สำเนียงดี                         วิดวิ่งก้อง บินร่ำร้อง ส่งเสียงใย
            ชมไกสอร พระโพไทร         สนสอดเสี้ยว บินร่อนเกี้ยว แอ่วไพมา
ภมรา อันว่าแม่เผิ้ง                             แลแมลงพู่ บินผะผู่ สอดเววน
ผายสัททะสำเนียงเสียง ร่ำวิงวน      รือรืดก้อง บินร้องสอดไพมา
            ถวายสำเนียง ร่ำปูชา พระพุทธเจ้า ยามเมื่อนั่งเค้าไม้ พระโพธิง
ว่าธัมเนียม อันนี้หนา                        ธัมเนียม อันนี้นา
นิมิตอันนี้นา หากมีมาแต่เค้า            ปางเมื่อพระพุทธะเจ้า  ตรัสประหญามารา
            กิเลสา เยื่องสัตรู                    ตัดขาดแล้ว สถิตนั่งเหนือแท่นแก้ว
ยามนั้นนา มาราธิราช                        ขุนใจหาน ใจแก่นกล้า
เจียรจากฟ้า หยาดลงมา                     จักมารบ พระสัตถา ตนผ่านแผ้ว
            ว่าแท่นแก้ว ของคูหนา         ว่าแท่นแก้ว ของคูนา
หากเปนของเรา มาแต่เค้า                 ท้าวท่านเจ้า จุ่งจักพ่ายหนีพลัน
ว่าแท่นแก้ว อันนั้น                           หากเปนของมัน อยู่แท้ใจ้ใจ้
            ลวดผิดเถียง พระเหง้าไธ้      อยู่พอหลอ ว่าเจ้าสิทธาตถ์นี้นอ มากะทำดั่งอี้
ตนท่านนี้ แก่นโลภา                         ว่าแท่นแก้ว อันนี้หนา
ว่าแท่นแก้วอันนี้นา หากเปนของเรา           มาหมั้นเที่ยง ท่านใคร่รู้เสี้ยง ถามดูทรา
            ยามนั้นหนา ยามนั้นนา         ริพลแห่ง พระญามาร วางเสียงก้อง
ต่างคนต่างร้อง ว่าแท่นแก้ว              แห่งพระญามาร
เป็นสักขีพยาน สะสู่ร้อง                  นันทั่วท้อง แผ่นปฐวี
            ยามนั้นนา อินทาพรหม        พ่ายพังหนี อยู่บ่ได้
ลวดมาละสมเด็จ พระที่ไหว้            อยู่คนเดียว ผัดผายผ่อเลงเหลียว
ค็บ่หันใผอยู่ใกล้ ยินวู่ไหม้               เปลี่ยวอกพระเหง้าไธ้ ยอดสยมภู แลนา
            ในขณะนั้น บ่มีนา                 กุกฺกุฏฏา ฝูงหมู่ไก่เถื่อนถ้อง ค็ร้องร่ำไพมา
ว่าอดก่อนเถอะหนา อดก่อนเทอะนาเจ้า    สักบึดนึ่งเล้า เจ้าจักประจญ
ปราบแพ้แล้ว ฝูงหมู่มารา                 สกุณณา ฝูงหมู่นกเค้า
            ทั้งนกแขกเต้า แลกาแก         เขาค็มาร้อง ซอแซอยู่เฝ้า
ร้องร่ำพระพุทธะเจ้า อยู่ปูนวอน     เช่นแลนา
            กุกกะคุกกะ โกกิลา               ค็มาร้องชมเชย นอพ่อเฮย ค็มาร้อง
กลางเถื่อนถ้อง ร่ำปูนวอน               นกสิ่งนึ่ง เสียงวิงวอน
ค็มาร้อง อยู่ซ้าวซ้น                           นกปู่ต้น ค็มาร้องอยู่ราวไพร
            นกทังหลาย มาร่ำร้องแล้ว    ซ้ำไก้แจ้แก้ว ค็มาตบปีกแล้ว วิ่งลงคอน
ขันเอย....ขัน...เอย                              ข้นเลยเล่า...
ค็มาเชยใจไก่ ไก่พู้โชงตัวใหย่          ค็มาขันเถี่ยงถ้อง นันทั่วท้อง ป่าดอยดง
            ฝูงวิหคหงสา ค็มาร้อง           ซอแซอยู่เฝ้า พระพุทธะเจ้า อยู่ปูนวอน
ยามนั้นนา อินทาพรหม                    หนีซะซู่ ละแม่เผ้ง แลแมลงพู่
ร่ำวิงวน ว่าบัดนี้นา                            พระประจญ ปราบแพ้แล้ว
            พระผ่านแผ้ว ปราบมารา      ทรงพระนาม ว่าพระสัตถา ไตรโลกหล้า
พระเจ้าฟ้า ยอดไญยญาณ                 นำสัตตะโลก หื้อข้ามพ้น
จากโอฆะ วัฎฎสงสาร                      ปรินิพพโต พระค็ปรินิพพาน ชมวิโมกข์
            พระค็ยังอาลัย สัตตะโลก     ฝูงหมู่ปัชชา จิ่งจักตั้งสาสนา
เรืองเรื่อหล้า เลิสเชียงชิน                 ควรเราทั้งหลาย หื้อทานรักษาสีล
เมตตาภาวนา ไพใจ้ใจ้                      ค็จักพลันได้รอด เวียงแก้วยอดมหาเนรพาน
นั้นแลนา.....
            สัตถา อันว่าพระสาสดา       ตนองอาจ เปนนักปราชญ์ แก่โลกโลกา
นำสัตต์นานา เข้าสู่ห้อง                    ประเทสท้องที่เนรพาน
ทะรงรัสมี หกประการ                      เรืองโลกหล้า เรืองร่ามฟ้า หม่นเหลืองแดง
            ขาวเขียว ส่องใสแสง            แถวถั่งหลิ้ว ดำหม่นสิ้ว ออกเพิงพาว
สุวัณณา เปรียบคำซาวห้า                 อันช่างหล่อเบ้า ได้ร้อยเท่าพันที
สมเด็จพระมุนี ตนเลิสแล้ว              ยามเมื่อพระผ่านแผ้ว ยังธรมาน
            เสด็จขึ้น ผายปาฏิหาริย์         บนอากาส ดูวิลาส รุ่งพรายพรัณ
อัญญทิฏฐี ทั้งหกตน                         กลัวยิ่งล้ำ ลวดไพตกน้ำ แม่คุงคา
            ยามนั้นหนา ยามนั้นนา พระพุทธา
ตนประเสิฐ เสด็จขึ้นสู่ ชั้นฟ้าแก้วเลิส ตาวติงสา
สถิตนั่ง เหนืออาสนา                        หินปัณฑุ กัมพลสิลา
อาสน์แห่งท้าว ธิราชอินทา              ปาริกชาติ เลิสลำคำ
เทสนาธัมม์ แก่แม่พระเจ้า                สริมหา มายาหน่อเหน้า ราชองค์งาม
            เทสนาธัมม์ ปิฏกะทังสาม   อันเลิสล้วน เตมสามเดือนถ้วน
จิ่งจักบัวรมวณ กาละควร                 ค็เสด็จแผ่นผ้าย ยัวริยาตรย้าย อว่ายลงมา
โปรดฝูงสัตต์ ในโลกา                      โขงเขตหล้า ใต้ลุ่มฟ้า หมู่ปัชชา
            ในกาละบัดนี้  แลนา ...
            มธุรา มธุรา มธุโร มธุเร        มธุร มธุรินโท มธุรา มธุรา
มธุรส หวานยิ่งกว่าอ้อย                    หวานจะจ้อย ยิ่งกว่าหวานทังมวล
เราทังหลาย บ่ควรดีประหมาท        ชีวิตบ่ขาด จากอินทรีย์
            สาสนา พระมุนี ยีงตั้งอยู่      เรามังหลายมวลหมู่ ค็ควรดีชักกัน
รักษาสีลฟังธัมม์ เมตตาถาวนาไพใจ้ใจ้      หื้อได้พลันรอด เวียงแก้วยอด มหาเนรพาน
หวานยิ่งกว่าหวานทังมวล แลนา

อุทุงฺคคัมภิราดิเรกรา อเนคฺตินิทิพลา ปนฺนโคหา หิมวนฺตา ปพฺพตลา ชราวคิรินโท โอย....เอย...


ธรรมจิต  สวัสดี

ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างคำฉันท์

ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างคำฉันท์
ผู้แต่ง
: ขุนเทพกระวี

   อัญขยมสดุดีพระไพร          ป่าดงพงใน
   สระสโรชมหิมา
   ฉทึงธารคิรีเหวผา              ไม้ไล่นานา
   อเนกพฤกษพิศาล
   ป่งป่าท่าทางเที่ยวธาร          อันจรสบสถาน
   ข้าขออำลาพระไพร
   พระพนัศบดีผองสบไศล       ดูข้าตั้งใจ
   ทำนุกอำรุงผดุงผดา
   เทียนธูปแลประทีปชวาลา           เครื่องโภชนกระยา
   สังเวยประดับทุกพรรณ
   กล้วยอ้อยพร้าวตาลสบสรรพ์       ถวายแก่พระกรรม์
   ประสิทธิพระไพรพน
   ลาเทพทั้งพื้นไพรสณฑ์              จงรักษ์ดำกล
   หฤไทยตั้งรักษา
   อย่าได้เบียดเบียนบีฑา               ภูธรประชา
   ทั้งปกทั้งปวงเดินดง
   มาลาแลเสวตรฉัตรธง             ถวายด้วยใจจง
   จงท่านอย่าได้บีฑา
   ได้เดินใกล้รายไปมา               ขอโทษอำลา
   อย่าต้องอย่าพาลเบียดเบียน
   ขอจงศุขสถาพรเสถียร              อย่าได้วนเวียน
   อัญเชิญธสถิตย์ในไพร
   ช้างใดต้องบาศบไคล               จำนองจองไป
   ประโยชน์เลี้ยงรักษา
   อย่าได้แดเดือดโศกา                อย่าครำ่ครวญหา
   พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุ์
   เมืองโพ้นนางช้างก็สกรรค์          ย่อมโขลงแส้งสรรค์
   ลำเภาดำเนินโสภา
   กล้วยอ้อยพร้าวตาลนานา           หญ้าเผือเหลือตรา
   อเนกด้วยอาหาร
   ป่าดงฤาจะเปรียบปูนปาน            เบื้องศุขสำราญ
   ในไพรพนมชมผา
   เมื่อนอนร่มไม้สาขา            หญ้าแฝกแขมคา
   แลเงื้อมชรง่อนเทินเขา
   เมืองโพ้นโรงรัตนพัฬเหา     พเนกจลุงเกลี้ยงเกลา
   เมลืองบได้เคืองรคาย
   ท่าทางเดินเหินก็สบาย         ควาญคชกับนาย
   ประจำบห่อนคลาไคล
   อ้าพ่ออย่าคิดแก่ชนนี           แลชนกในกลางไพร
   อ้าพ่ออย่าคิดภคินิใน           พนสณฑสิงสถาน
   อ้าพ่ออย่าคิดคณผู้บุตร           อันเสน่หนงพาล
   อ้าพ่ออย่าคิดคชผู้หลาน          เหลนเหลือลืดแลพงษ์พันธุ์
   อ้าพ่ออย่าคิดพนสรนุกนี้         ศุขเล่นพนาวัน
   อ้าพ่ออย่าคิดศุขในบรร          พตห้วยฉทึงธาร
   อ้าพ่ออย่าคิดศุขในป่ง            ดในป่าพฤกษาสาร
   อ้าพ่ออย่าคิดแก่บริพาร          อันเปนเพื่อนในไพรพนม
   อ้าพ่ออย่าคิดคชสุคน             ธอันเคยภิรมย์ชม
   ดอกไม้อันหอมคชผธม           ขจรกลิ่นวังเวงใจ
   อ้าพ่ออย่าคิดแก่พลผลา          ภักษหญ้าอันมีใน
   ธารน้ำอันไหลวิสุทธใส            แลมาเลี้ยงแก่ตนเอง
   อ้าพ่ออย่าคิดทุกขบัดนี้            ทุกขแต่หลังบุราณเพรง
   อ้าพ่ออย่าคิดทุกขวังเวง          เลยณพ่อจงตามครู
   ต้องบาศเรานี้ฤณพ่อ               เพราะเสน่หแห่งกู
   พังพลายอันใดกลดำรู             ก็จะเลี้ยงจะล่ามสงวน
   อ้าพ่อจงเสียพยศอันร้าย          แลอย่าขึ้นงทรหึงหวล
   หล่อหลอนอย่าทำกิจบควร      และอย่าถีบอย่าฉัดแทง
   อ้าพ่อจงเสียพยศอันเปลื้อง        แลอย่าเลื่อมกำแหงแรง
   พ่อจำอันสอนจิตรอย่าแคลง       แลจงรักทั้งหมอควาญ
   จงมีจริตสุทธิอันงาม                 สบงเสงี่ยมแลเสี่ยมสาร
   พวกพ้องนิกรบบริพาร              บริรักษ์รักษา
   อ้าพ่ออย่าโศกอย่าทุกข์เลย         แลอย่าเศร้าอย่าโศกา
   อย่าให้พิลาปจิตรอา                 ดุรเลยจงยลยิน
   อ้าพ่ออย่าโทษบิดรมา               ดรโทษอันเพื่อนกิน
   อ้าพ่ออย่าโทษนรนรินทร์           ทั้งนี้ย่อมอำเภอกรรม์
   อ้าพ่ออย่าโทษชนผู้ใด          แลพระพรหมหากสรรค์
   มาเปนชำนินรนิรัน              ดรเลี้ยงบำเรอหใน
   จงพ่ออย่าได้ทุกขทุกขา         ดุรเดือดรฤกไพร
   จักนำยังโรงรัตนประไพ        จิตรจงสำราญรมย์
   หนึ่งโสดสมเด็จบรมหง         ษ์คือองค์พระพรหม
   รังสฤษดิสรรคพ่อมาสม         เปนวรพาหนภูเบนทร์
   อย่าโทษพ่อแม่คณพี่น้อง        แลจงคิดคำนึงเหน
   โทษกรรมเองก็บมิเว้น          บมิแวะจะหลีกกรรม์
   จงตั้งมโนชที่จะไป           บุริรมยหฤหรรษ์
   จักเห็นสระกุสุมพรร          ณสนุกนิชื่นชม
   มีบัวบุษย์บานอุบลจง        กลนีก็สรบสม
   ใบบัทมแบ่งแลก็สลม        ก็สลอนทั้งสระศรี
   ตั้งใจราพ่อคชจงเดิน         คลในพระบูรี
   อย่าคิดลำเนาพนอันมี        คชเคยทรเหหวน
   พ่อแม่พี่น้องอันเปนเสน่     หทั้งนั้นอย่าเครงครวญ
   จงพ่อมาเสียพยศมายวล     จิตรโดยตูสมพอง
   แต่นี้พนาทาง                ก็กระดาษทั้งผอง
   ร่มราบคือน่ากลอง         แลธแกล้งประดับดา
   ครั้นพ่อแลดีแล้ว           วรรราชราชา
   จักเปนคเชนทรา             ธิปดินทรฤาไกร
   มีพวกจเกี่ยวหญ้า           มาส่งให้บยากใจ
   จักกินอันใดใด               ก็จะได้ดั่งใจปอง
   หนึ่งโสดนายแลควาญ      จะรักษาบให้หมอง
   ขัดสีดูเรืองรอง               บมิให้มีมลทิน
   ที่อยู่จะใครอยู่              ทั้งที่กินจะใคร่กิน
   จงพ่อมายลยิน             คดีอันกูกล่าวสาร
   หนึ่งโสดประดับด้วย      คชาภรณ์อลงการ
   ชนักแร่งประแอกอาน     แลตระพัตรคนควร
   อยู่ป่าไซ้ถีบฉัด             แลหล่อแทงทรหึงหวน
   จงเสียพยศทั้งมวญ        แลมาเชื่องเปนสารศรี
   จักเปนชำนิภู                ธรเกล้าตรีโลกีย์
   ปราบราชไพรี               แลจงจำอันสั่งสอน
   หนึ่งโสดกรินีสาทร        อันผูกด้วยสร
   มนัศใจเสน่หา
   ขอแต่พระไพรคณา        ตูจักลีลา
   ยังศุขรมยบุรี
   จงตั้งใจเดินด้วยดี         อย่ารำพึงศรี
   แลสระสโรชในไพร
   ร่มรื่นพื้นป่าพอใจ          เปนที่อาไศรย
   สนุกนิ์สำราญบรรธม
   ป่งป่าท่าทางเคยชม                 ในพระบุรีรมย์
   สนุกนิ์กว่านี้แสนทวี
   น้ำไหลไคลคลายเปรมปรีดิ์       บัวจงกลนี
   ทั้งหญ้าระร่อนอ่อนหวาน
   อุบลสัตบันแบ่งบาน                นานาผลาหาร
   สำราญภิรมย์อนันต์
   อย่าคิดถึงเผ่าพงษ์พันธุ์             พี่น้องพ้องสรรพ์
   ลูกจรัลจรกลางแด
   แม่ลูกผูกรักเลงแล               เคยเคียงผันแปร
   แลแล่นมาเคล้าคลึงกัน
   แม่รักลูกรักจรจรัล                พลายพังก็กระสัน
   ทรหึงทรโหยโหยหา
   ไห้ห่มรมยวนไปมา               อย่าเศร้าโศกา
   ทั้งนี้ย่อมแรงกรรม์
   กมลาศน์ธแกล้งเกลาสรรค์      อย่าโทษพงษ์พัน
   ธุทุกเทพยมานุษย์เลย
   แต่นี้จงสร่างสรเบย             ทุกขหลังอันเคย
   พิบากลำบากเหลือใจ
   เมื่ออยู่ป่าดงพงไพร            หากินเองใน
   พนานตยากหนักหนา
   หนึ่งโสดฝุ่นทรายตรึงตรา      นอนแนบหินผา
   กระด้างกระเดื่องทั้งตัว

   แต่นี้เกลือกตมทรายมัว         บมิได้พอกพัว
   เพราะนายแลควาญรักษา
   แต่นี้ไปโดยรัถยา                     ทางท้องมหิมา
   สลมสลอนพร้าวตาล
   หญ้าปล้องหญ้าหวายแลลมาน     อ้อยช้างตระการ
   ทั้งข่อยแลแขมโพบาย
   หนึ่งโสดฝูงช้างพังพลาย             อยู่เมืองโพ้นหลาย
   คเชนทรเผือกพัฬเหา
   ลางตัวตัวผู้มาเอา                     กลิ่นตัวเมียเมา
   รดีรดัสกำจร
 ย่อมช้างมีลักษณบวร             ชำนิภูธร
   ธิราชเจ้าจอมไตร
   ส่วนกรินีโสดก็จะไป              อยู่โรงเรียนใน
   กรลาบังคัลคนผจง
   เทียมเทียบเกยรัตนยรรยง        แนมแนบพลายพงษ์
   เชื้อคเชนทรอันดี
   จงเสียพยศร้ายราวี                วัดวายถีบตี
   ทั้งฉัดแลหล่ออย่าทำ
   สั่งสอนอันใดพึงจำ                อย่าได้ฝ่าคำ
   อันกล่าวนี้หนอจงตาม
   ครั้นดีเชื่องชาญในสนาม          กินผอกเหลือหลาม
   สนุกนิอยู่หรรษ์
   อาภรณ์ประดับสรรพสรรพ์        คับควรทุกอัน
   กระพัตรคนซองหาง
   ชนักแร่งแลพนาศสำอาง           งามทั่วสรรพางค์
   คล้อยดำเนินโสภา
   เปนพาหนสมเด็จราชา            ผ่านผ้าสีมา
   อรินทรเรียบฤาเสบย
   ใต้ฟ้าฤาจะเปรียบปูนเลย         โอ้กรินีเอย
   ประเสริฐแลใดปาน
   ขอเทพารักษ์ทุกสถาน            จงช่วยบริบาล
   สถิตย์ทั้งทั่วสรรพางค์
   ฤาษีสิทธิสถิตย์บาศอย่าวาง       ทั้งสี่ในปาง
   นี้หนอจงช่วยรักษา
 ช้างใดต้องบาศอย่าคลา            ผลนั้นมหิมา
   ครั้นสิ้นชีวิตรไปสวรรค์
   ส่วนช้างพังพลายสบสรรพ์         ไป่ต้องบาศอัน
   พิเศษเลื่องฤาไกร
   จองอยู่ป่าดงพงไพร                 แผ่เผ่าพันธุ์ใน
   พนานตให้มากหลาย
   หนึ่งจงเลี้ยงม่ามอ่ามสาย           ลูกเต้าพังพลาย
   แลพรรค์คเชนทรมากมี
  จงชมพนสณฑคิรี             ในไพรพงพี
   สนุกนิเสนาะหัวใจ
   จงชมเทินธารน้ำไหล         คล่าวคล้ายแสงใส
   แลออกแต่เงื้อมแง่เขา
   จงชมบึงบางเซราะเซรา      ที่ธารทางเทา
   แลเที่ยวมาจวบจบกัน
   จงชมพฤกษาหลายพรรณ    ต้นเรียบเรียงรัน
   แลร่มชรอื้อใบบัง
   จงชมดอกโดรทั่วทัง             ป่าปรือไพรกรัง
   สนุกนิเร่งเชยชม
   ครั้นแล้วบาศธก็จะสม           สบบาศคือพรหม
   ไว้ประสิทธิสบสรรพ์
   ส่วนเจ้าป่าดงพงษ์พันธุ์          เทพารักษ์อัน
  อเนกทั่วไพรกรัง
  ข้าขอฝากทั้งพลายพัง            อันได้ด้วยหวัง
  แลบาศไปคล้องตรึงตรา
 จงเทพารักษ์รักษา          คุ้มเกรงกรุณา
   ตูข้าจะนำเอาไป
   ส่วนพระภูธรผู้ไกร         ขอลาพระไพร
   ไปยังอโยทธยาศรี
   จงสถาพรศุขมากมี          ขอลาพระไพร
   หฤไทยมีหฤหรรษ์
   ทั้งนี้โสดองค์พระสรร       เพชญไท้ทรงธรรม์
   เลิศนิล้ำไตรตรา
 แก้กลอนกัมพุชภาษา          แจงแจ้งเอามา
   เปนสยามพากยพิไสย
   ฝ่ายข้างไสยสาตรนี้ใคร        ฤาจะเปรียบปูนใน
   พระองค์ไท้ทรงธรรม์
   เมื่อเสร็จการอุดมกรรม์         ได้ช้างเผือกอัน
   วิสุทธิสารบวร
   ทุกเทพทั้งหลายชมอร          จึ่งอวยพระพร
   แก่พระผู้เลี้ยงโลกา
   พระชนมยืนมหิมา                   สิบร้อยพรรษา
   พระเกียรติล้ำแสนกัลป์
   ศักดิสิทธิฤทธิเดชสบสรรพ์          โองการอันพรร
   ณาประสิทธิกิจการ

ฉบับถอดความ
ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง

    1. ข้าพเจ้าขอถวายสุดดีพระไพร เทพผู้สถิตในป่าเขาและในสระบัวใหญ่
    2. ในแม่น้ำลำธาร ภูเขา หุบเหว ต้นไม้ นานาชนิด
    3. ข้าพเจ้าขออำลาป่า ท่าน้ำที่ได้เคยท่องเที่ยวทั่วทุกแห่งหน
    4. ข้าพเจ้าขออำลาพระไพร ผู้เป็นใหญ่ในป่าเขาทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าตั้งมั่นที่จะบำรุงรักษาถวายความเคารพ
    5. ด้วยเครื่องสังเวยอันประกอบด้วย ธูปเทียน ประทีป เครื่องโภชนาหารนานาชนิดครบครัน
    6. ทั้งกล้วย อ้อย มะพร้าว ลูกตาล ขอถวายสิ่งทั้งหลายแต่พระกรรมบดีผู้เป็นพระไพรผู้ยิ่งใหญ่ในป่า
    7. ข้าเจ้าขออำลาเทพทุกองค์ที่สถิตในป่า ได้โปรดรักษาข้าพเจ้าให้ปลอดภัย
    8. อย่าเบียดเบียนกษัตริย์หรือปวงชนที่เข้ามาเดินในป่า
    9. ขอถวายดอกไม้ เศวตฉัตร ธง ด้วยเจตนาอันแน่วแน่ ขอพระองค์อย่าได้รบกวนเลย
    10. ที่เคยได้เดินเฉียดไปมา ก็ขออภัยโทษและขออำลาจากไป อย่าโกรธอย่าเบียดเบียนเลย
    11. ขอพระองค์จงมีความสุขยั่งยืนนาน อย่าตามไปรบกวน ขอเชิญสถิตอยู่แต่ในป่านี้เถิด
    12. ช้างที่ถูกคล้องด้วยเชือกบาศและถูกจับไปนั้นก็เพื่อไปเป็นประโยชน์จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
    13. ขอ (ช้างที่ต้องบาศ) อย่าได้โกรธเคือง โศกเศร้า และคร่ำครวญหาพ่อแม่พี่น้องและเผ่าพันธุ์
    14. ในเมืองมีนางช้างที่แข็งแรงสวยงามอยู่รวมกันเป็นโขลง ท่าเดินสง่างามราวแสร้งสรรค์
    15. อาหารการกินก็บริบูรณ์ มีทั้งกล้วย อ้อย มะพร้าว ตาล และหญ้ามากเหลือเฟือ
    16. สุขสำราญอย่าที่ในป่ามิอาจเปรียบปานได้ อยู่ในป่าก็จะได้ชมแต่ภูเขาหินผา
    17. ยามนอนก็ต้องนอนใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่นอนมีแต่หญ้าแฝกหญ้าแขม หญ้าคา และเงื้อมเขา
    18. ส่วนในเมือง มีที่อยู่ใหญ่โตงดงาม สะอาด มีหมอนหนุนและมีเสาเกลี้ยงเกลาไม่ระคายเคืองแต่ประการใด
    19. ท่าน้ำและถนนหนทางก็เดินสบาย มีควาญช้างและคนเลี้ยงประจำตัวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
    20. ขอพ่อพลายอย่าด้มัวคิดถึงพ่อแม่พี่น้องที่ยังอยู่ในกลางป่าอีกต่อไปเลย
    21. ขอพ่อพลายอย่าได้คิดถึงลูกๆที่กำลังน่ารัก และอย่าคิดถึงหลานเหลนลื้อลืดและพงศ์พันธุ์เลย
    22. ขอพ่อพลายอย่าได้คิดถึงความสนุกสนานในป่า อย่าคิดถึงการท่องเที่ยวไปตามภูเขาและตามห้วยละหานอีกเลย
    23. ขอพ่อพลายอย่าได้คิดถึงความสุขในพงไพร อย่าคิดถึงต้นไม้และบริวารที่เคยอยู่เป็นเพื่อนกันในป่าอีกเลย
    24. ขอพ่อพลายอย่าได้คิดถึงกลิ่นหอมของนางช้างที่เคยชมเชย และกลิ่นดอกไม้หอมรัญจวนใจที่เคยดอมดมเมื่อยามนอน
    25. ขอพ่อพลายอย่าได้คิดถึงผลไม้และหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามธารน้ำไหลใสบริสุทธิ์ ที่พ่อพลายได้เคยท่องเที่ยวหากินเอง
    26. ขอพ่อพลายอย่าคิดถึงความทุกข์ในปัจจุบัน อย่าคิดถึงทุกข์ในอดีตอย่ารู้สึกวังเวงใจ เพราะความทุกข์ ขอให้เชื่อฟังครูเถิด
    27. ช้างพลายและช้างพังถูกบ่วงบาศก์ด้วยเสน่ห์ของเรา ช้างใดที่มีลักษณะงามก็จะล่ามถนอมเลี้ยงไว้
    28. ขอพ่อพลายจงละพยศร้ายเสียเถิด อย่าโกรธขึง อย่าส่งเสียงเอ็ดอึงให้ปั่นป่วน อย่าสะบัด ทำสิ่งที่ไม่สมควร อย่าถีบ อย่าเตะ อย่าแทง
    29. ขอพ่อพลายจงละพยศเสียให้หมดเถิด อย่าทำรุนแรง จงจำคำสอนอย่ามิจิตคิดระแวงสงสัย จงรักหมอควาญเถิด
    30. ขอพ่อพลายจงมีความประพฤติที่บริสุทธิ์งดงาม มีความสงบเสงี่ยมอ่อนน้อม และจงมีความเอื้อเฟื้อต่อผู้คนและพวกพ้องที่มาดูแลอยู่รอบข้าง
    31. ขอพ่อพลายอย่าทุกข์อย่าโศก อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ อย่าเร่าร้อนใจไปเลย จงตั้งใจฟังคำ
    32. ขอพ่อพลายอย่าโทษพ่อแม่ อย่าโทษเพื่อนฝูง อย่าโทษผู้คนหรือพระราชาเลย เป็นดังนี้เพราะกรรมเก่า
    33. ขอพ่อพลายอย่าโทษใครอื่นเลย เป็นดังนี้เพราะพระพรหมทรงสร้างให้เป็นช้างที่คนขับขี่และบำรุงเลี้ยงดูให้ความสุขสำราญ
    34. ขอพ่อพลายอย่าได้มีความทุกข์เดือดร้อนคิดถึงป่า จะพาพ่อพลายไปอยู่ในโรงช้างที่สวยงาม จงทำใจให้เบิกบาน
    35. ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระพรหมผู้ทรงหงส์ได้ทรงสร้างให้พ่อพลายได้มาเป็นช้างทรงที่ดีของพระราชา
    36. อย่าโทษพ่อแม่พี่น้องเลย จงคิดว่าเป็นกรรมของตนเองซึ่งไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้พ้น
    37. ของจงตั้งใจให้แน่วแน่ว่าจะไปอยู่ในเมืองที่มีแต่ความสุขสำราญจะได้เห็นสระบัวหลากพรรณน่าชื่นชม
    38. มีดอกบัวนานาชนิดบานทั้งอุบล จงกลนี มีใบบัวชูสลอนเต็มทั้งสระ
    39. พ่อจงตั้งใจเดินจนถึงในเมืองอย่าคิดหวนกลับไปอยู่ในป่ากับเพื่อนพ้องผู้คุ้นเคยเลย
    40. อย่าคร่ำครวญหาพ่อแม่พี่น้องอันเป็นที่รักอีกเลย จงละทิ้งอารมณ์ที่มารุมเร้าให้พยศ จงมีใจยินดีตามที่ข้าได้ตั้งความปรารถนาไว้
    41. ต่อไปภายหน้าทางของพ่อพลายก็จะดี ร่มรื่นและราบเรียบราวกับหน้ากลอง ประหนึ่งมีผู้ตั้งใจประดับประดาไว้อย่างงดงาม
    42. เมื่อพ่อพลายได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีแล้ว ต่อไปก็จะได้เป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์ผู้มีฤทธานุภาพเกรียงไกร
    43. จะมีคนเกี่ยวหญ้ามาให้พ่อพลายกิน ไม่ต้องลำบากไปหากินเอง และถ้าพ่อพลายต้องการกินสิ่งอื่นใดก็จะได้สมใจปรารถนา
    44. นายช้างและควาญช้างจะคอยดูแลรักษา อาบน้ำขัดถูร่างกายให้สะอาดหมดจดดูสดใส
    45. ที่อยู่ก็น่าอยู่อาหารก็น่ากินขอพ่อพลายจงเชื่อฟังข้อความที่กล่าวนี้เถิด
    46. พ่อพลายจะมีเครื่องประดับที่งดงาม จะมีสายเชือกคล้องคอ มีกูบและสายรัดกูบกระชับพอเหมาะพอดี
    47. เมื่อพ่อพลายอยู่ในป่า เคยดิ้นเตะถีบใช้งาแทงส่งเสียงเอ็ดอึง ต่อแต่นี้ไปขอให้ละพยศให้หมด จงเป็นช้างที่เชื่องและดีงาม
    48. จะได้เป็นช้างทรงของกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม สามารถปราบข้าศึกได้ราบคาบ ขอพ่อพลายจงจำคำสั่งสอนนี้
    49. อนึ่ง ช้างพังที่ยังรักและเอาใจใส่ก็ยังมีจิตใจรักอยู่
    50. ข้าขอลาพระไพรทั้งหลายเพื่อไปสู่เมืองซึ่งมีแต่ความสุขและรื่นรมย์
    51. ขอพ่อพลายจงตั้งใจเดินด้วยดี อย่าเป็นห่วงกังวลถึงช้างพังและสระบัวในป่าอีกเลย
    52. อย่าคิดถึงความร่มรื่นในป่าซึ่งเคยเป็นที่อยู่ที่นอนและที่เคยเที่ยวสนุก
    53. ป่า ท่าน้ำและทางเดินที่พ่อพลายเคยไปเที่ยวชมนั้น เมื่อเทียบกับบ้านเมืองแล้ว ในเมืองสนุกกว่านับแสนเท่า
    54. ในเมืองมีธารน้ำไหลชะล้างเหงื่อไคลและเล่นอย่างสนุกสนาน มีบังจงกลนีและมีหญ้าอ่อนๆรสหวานอร่อย
    55. บัวอุบลและสัตตบรรณแบ่งบาน ผลไม้ที่เป็นอาหารก็มีหลากหลายล้วนอร่อยน่ารับประทาน
    56. ขอพ่อพลายจงเลิกคิดถึงเผ่าพันธุ์พี่น้องทั้งหลายแม้ลูกรักดังดวงใจก็จงลืมเสีย
    57. แม่ช้างและลูกช้างที่รักและเคยอยู่ใกล้ชิดกัน จะจากไปจึงวิ่งเมาเคล้าเคลียกัน
    58. พ่อช้างและแม่ช้างจะจากลูกไปต่างก็คิดถึงลูก
    59. อย่าเฝ้าแต่ร้องไห้ทุกข์ร้อนอย่าโศกเศร้าไปเลย ทั้งนี้เพราะผลแห่งกรรม
    60. พระพรหมได้ลิขิตไว้ อย่าโทษพงศ์พันธุ์ตนเอง อย่าโทษทวยเทพหรือมวลมนุษย์เลย
    61. ต่อนี้ไป จงมีแต่สุขสบาย อันความทุกข์ลำบากที่เคยมีมาแต่หนหลังจงคลายลง
    62. เมื่ออยู่ในป่าคงต้องลำบากหากินเอง กว่าจะได้กินก็ยากหนักหนา
    63. อีกทั้งฝุ่นทรายติดตามตัว และต้องนอนตามหินผาที่แข็งกระด้างไม่สบาย
    64. ต่อนี้ไป เปือกตมทรายที่สกปรกก็จะไม่พอกอยู่ตามตัวอีกแล้ว เพราะมีนายช้างและควาญช้างคอยดูแล
    65. ต่อไปนี้จะเดินทางไปไหนก็มีแต่ถนนหนทางอันกว้างใหญ่รายเรียงไปด้วยมะพร้าวและตาล
    66. อีกทั้งหญ้าปล้อง หญ้าหวาย หญ้าละมาน ต้นอ้อยช้าง ข่อย แขมและโพบาย
    67. นอกจากนี้ในเมืองยังมีช้างพัง ช้างพลายและช้างเผือกมากมาย
    68. ช้างพลายบางตัวได้กลิ่นช้างพังก็รู้สึกหลงรัก
    69. ช้างบางเชือกมีลักษณะงามสมควรเป็นช้างทรงของกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่
    70. มีช้างพังมากมายอยู่ในโรงเรียงกันไป มีคนคอยเฝ้าดูแล
    71. จะได้เทียบเกยอันงดงามเป็นช้างทรงเช่นเดียวกับช้างพันธุ์ดีอื่นๆ
    72. จงเลิกพยศร้าย อย่าต่อสู้ อย่าเตะ อย่าถีบ อย่าสะบัด
    73. สั่งสอนสิ่งใดจงจดจำให้ดี อย่าฝ่าฝืน จงทำตาม
    74. เมื่อเป็นช้างที่ดี เชื่องและเก่งในการรบ ก็จะได้กินอาหารมากมาย มีความสุขสนุกสนาน
    75. จะได้ประดับอาภรณ์ครบทุกอย่าง มีกูบสายรัดและซองหาง
    76. มีชนักผูกคอและเบาะปูหลังทำให้ดูงามไปทั้งตัว เวลาเดินก็เดินช้าๆอย่างสง่างาม
    77. พ่อพลายจะได้เป็นพาหนะสำหรับกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินซึ่งเหล่าศัตรูเกรงขามและยอมอ่อนน้อม
    78. แม่ช้างเอ๋ย ในโลกนี้ไม่มีช้างใดจะประเสริฐเปรียบปานพ่อพลายนี้ได้เลย
    79. ขอเทพารักษ์ทุกแห่งหนโปรดช่วยคุ้มครองดูแลรักษาและมาสถิตอยู่ทั่วกายของพ่อพลาย
    80. ฤาษีสิทธิบาศทั้งสี่ผู้สถิตในบ่วงบาศ ขออย่าได้ละวาง จงช่วยรักษา
    81. ช้างใดถูกบ่วงบาศคล้องก็อย่าได้หลุดไป เพื่อเกิดผลอันยิ่งใหญ่ เมื่อสิ้นชีวิตแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์
    82. ส่วนช้างพังพลายทั้งหลายที่ไม่ถูกบ่วงบาศอันศักดิ์สิทธิ์เลื่องลือไปทั่ว
    83. ก็จงอยู่แพร่เผ่าพันธุ์ในป่าดงพงไพรให้มากหลายสืบไป
    84. อนึ่ง จงเลี้ยงดูลูกเต้าพังพลายจำนวนมากเหล่านั้น
    85. จงชมป่าเขาให้สนุกเพลิดเพลินใจ
    86. จงชมเนินเขา ลำธารน้ำใสซึ่งไหลออกมาแต่เงื้อมแง่เขา
    87. จงชมบึงบางที่เกิดจากธารน้ำไหลกัดเซาะมาบรรจบกัน
    88. จงชื่นชมพฤกษานานาพรรณที่มีลำต้นเรียบขึ้นเรียงรายเป็นแถว ดูร่มรื่นด้วยใบที่หนาแน่น
    89. จงชมดอกไม้ที่หอมตรลบทั้งป่าและต้นปรือที่ขึ้นทั่วทั้งป่าน่าชม
    90. ต่อไปภายหน้าพระพรหมก็จะทรงบันดาลให้ถูกคล้องมาได้ด้วยบ่วงบาศนี้
    91. เจ้าป่าและเทพารักษ์ผู้เป็นใหญ่ในป่า
    92. ข้าขอฝากช้างพลายและช้างพังที่คล้องมาได้ด้วยบ่วงบาศนี้
    93. ขอเทพารักษ์ได้โปรดคุ้มครองและกรุณาให้ข้านำไป
    94. ส่วนพระราชาผู้เก่งกล้าก็จะขอลาพระไพรกลับคืนไปยังกรงศรีอยุธยา
    95. ขอพระราชาทรงเป็นสุขสถาพร ยิ่งด้วยยศเหนือผู้ใดในโลก ทรงมีพรหฤทัยเบิกบานหรรษา
    96. พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้รอบรู้และตั้งมั่นในคุณธรรมอันประเสริฐเหนือบุคคลอื่นใดในสามโลก
    97. ทรงแปลคำประพันธ์ภาษาเขมรเป็นภาษาสยามได้กระจ่างชัด
    98. ทรงเชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์หาผู้ใดเปรียบปานมิได้
    99. เมื่อการประกอบพิธีครบถ้วน และได้ช้างเผือกอันงามบริสุทธิ์แล้ว
    100. ขอเทพยดาทุกองค์จงชื่นชมถวายพระพรแด่พระมหากษัตริย์
    101. ขอจงเจริญพระชนม์ยั่งยืนนานนับพันปี มีพระเกียรติเลิศล้ำแสนกัลป์
    102. ขอจบทรงมีความศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์เดชครบทุกประการ ขอให้คำประกาศนี้จงประสบความสำเร็จเทอญ