มบ (ทำคุณไสย์)

มบ (ทำคุณไสย์)

            มบ เป็นความเชื่อเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง วัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดโทษแก่ศัตรูโดยทำให้เสื่อมชื่อเสียง ให้สติวิปลาส ให้พิการหรือถึงตาย การมบนั้นหมอไสยศาสตร์เป็นผู้กระทำพิธี ซึ่งผู้ให้มบจะต้องมีสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน เช่น ถูกรังแกข่มเหง ไม่สมหวังในความรัก และมีการแข่งขันเพื่อเอาชนะกัน การมบอันเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าว มีการกระทำกันหลายวิธี ตามแต่การกระทำนั้นต้องการให้หนักเบาเพียงใด ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้กระทำ ความเชื่อในเรื่องนี้ชาวใต้เชื่อกันอย่างกว้างขวางในสมัยบาณ ดังที่เห็นได้จากสำนวนเปรียบเทียบที่เกี่ยวกับการ “มบ” อยู่หลายสำนวน เช่น เปรียบคนที่เซื่องซึมไม่กระฉับกระเฉงว่า “นั่งซึ่มเหมือนลูกมบ” เปรียบเทียบคนที่อาการบ้าๆบอๆ ว่า “บ้าเหมือนคนถูกมบ” บางครั้งก็เปรียบเทียบหนังตะลุงหรือโนราที่เคยแสดงดี แล้วมีสักครั้งที่แสดงไม่ดี มักเปรียบเทียบว่า “คืนนี้เล่นเหมือนถูกมบ” เป็นต้น

            การมบมีหลายวิธีและมีหลายระดับตามความต้องการของผู้ทำ ดังนี้

1. มบเพื่อให้เกิดความเจ็บปวดทรมานและถึงตาย
            การมบด้วยวิธีนี้มีความรุนแรงที่สุด เชื่อว่าถ้าฝ่ายตรงกันข้ามหรือศัตรู ไม่ทำให้น้ำตาตกแล้วจะไม่ใช้วิธีมบในระดับนี้เป็นอันขาด สาเหตุของการมบนั้นเกิดจากความอาฆาตแค้นเป็นการส่วนตัวยากที่จะให้อภัยกันได้ วิธีที่ใช้มบมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น
มบด้วยการฝังรูป โดยหมอไสยศาสตร์จะเอาขี้ผึ่งรังร้างมาปั้นเป็นรูปคน แล้วใช้หนามที่แหลมคมมาแทงตามแขนขา หน้าอกแล้วห่อด้วยผ้าขาวที่เขียนชื่อ นามสกุลของศัตรู เสกคาถากำกับ แล้วนำไปฝังไว้ในน้ำครำ ทางสามแพร่ง หรือในป่าช้า ถ้าฝังในป่าช้าให้เอาปลามีหัวมีหางไปเซ่นไหว้เจ้าเปรว เจ้าป่าช้าเสียก่อน ถ้าต้องการให้ศัตรูเจ็บปวดทรมานฝังให้ลึกลงไป 1 คืบ ถ้าต้องการให้ตายก็ฝังลงไป 1 ศอก เชื่อกันว่าศัตรูจะตายสมความปรารถนาของผู้มบ
            มบด้วยไม้เสียบผี ไม้เสียบผีเป็นไม้ชนิดหนึ่งทำด้วยไม้ไผ่ทั้งลำ ไว้สำหรับค้ำโลงศพเมื่อนำศพขึ้นสู่เชิงตะกอน วิธีมบนั้นหมอไสยศาสตร์จะเลือกเอาไม้เสียบผีของคนที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เพราะเชื่อว่าผีแรง ตัดเอามาเพียงปล้องเดียว แล้วใช้หนังวัว หนังควาย หรือผ้าขาวม้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เขียนชื่อนามสกุลของศัตรู แล้วทำพิธีเสกคาถากำกับลงบนแผ่นหนังเหนือผ้าที่เขียนชื่อนั้น แล้วจุกลงกระบอกไม้เสียบผีนำไปฝังในสถานที่เช่นเดียวกับมบแบบฝังรูป วิธีการนี้จะเห็นผลที่ได้รับเช่นเดียวกับวิธีการแรก
            มบด้วยตะปูตอกโลงศพ โดยหมอไสยศาสตร์เอาตะปูที่ตอกโลงศพผีตายโหงมาจากเชิงตะกอน ทำพิธีเสกคาถากำกับเสร็จแล้วนำตะปูนั้นไปตอกต้นไม้ใหญ่ในบริเวณป่าช้า ก่อนตอกตะปูให้ว่า “โอมกูจะล้าง (ชื่อของศัตรูที่จะมบ.....)” แล้วก็ตอกตะปูนั้น ถ้าต้องการให้เจ็บปวดทรมานให้ตอกเพียงครึ่งเดียว ถ้าต้องการให้ตายให้ตอกจนมิดหัวตะปู เชื่อว่าศัตรูจะตายโดยไม่ช้า
            มบด้วยกระดานท้องโลงศพ โดยหมอไสยสาสตร์จะสับเอาไม้กระดานท้องโลงศพที่สัปเหร่อวัดทิ้งไว้ในป่าช้ามาเพียงเท่านิ้วก้อย แล้วห่อผ้าขาวเขียนชื่อและนามสกุลของศัตรูเรียบร้อยแล้วนำไปเผาไฟ ถ้าต้องการให้เจ็บปวดทรมานก็เผาให้พอผ้าขาวที่ห่อเป็นสีน้ำตาลอย่าให้ไหม้ ถ้าต้องการให้ตายก็เผาให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

2. มบเพื่อต้องการให้เสียสติหรือเป็นบ้า
            สาเหตุของการมบในระดับนี้เนื่องจากไม่สมหวังในความรักส่วนให้ เช่นฝ่ายชายหลงรักฝ่ายหญิงแต่ผู้หยิงไม่รักด้วย ฝ่ายผู้ชายจะมบให้ผู้หยิงคนนั้นเป็นบ้า หรือสาเหตุว่าชายกับหญิงรักกัน แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ชอบฝ่ายชายต้องการให้ผู้หญิงแต่งงานกับคนอื่นที่ตนเองชอบ ฝ่ายชายเห็นว่าเมื่อตัวเองไม่ได้แล้วชายอื่นก็ไม้ต้องได้ด้วย (เห็นแก่ตัวที่สุด) ก็มบให้บ้าเสียเช่นเดียวกัน การมบในระดับนี้ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายผู้ชายจะเป็นคนทำมบฝ่ายผู้หญิง วิธีทำมบที่นิยมใช้กัน เช่น
            มบด้วยเสก็ดไม้ โดยหมอไสยศาสตร์จะหาสะเก็ดไม้ตะเคียนที่ตกมันมา 1 อัน เสกคาถากำกับพร้อมออกชื่อผู้ถูกมบ แล้วเป่าที่สะเก็ดไม้นั้น ให้ใครก็ได้นำสะเก็ดไม้ที่เสกแล้วไปฝังไว้ในบริเวณบ้านของคนที่จะให้ถูกมบ เชื่อว่าผู้ถูกมบจะมีอาการเซื่องซึมและเป็นบ้าไปในที่สุด
            มบด้วยเสื้อผ้า โดยหมอไสยศาสตร์จะต้องพยายามเอาเสื้อผ้า (เสื่อ กางเกง ผ้าถุง หรือผ้าเช็ดหน้า) ของที่จะถูกมบมาให้ได้ โดยมิให้เจ้าขอหรือคนใกล้ชิดรู้ เสร็จแล้วนำเสื้อผ้านั้นมานั่งเสกคาถากำกับ แล้วแอบนำไปคืนเจ้าของเมื่อเจ้าของสวมใส่หรือใช้เสื้อผ้านั้นแล้วจะมีอาการเซื่องซึมและเป็นบ้า การมบด้วยวิธีนี้ ถ้าผู้ถูกมบรู้ตัวก่อน ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่เสกแล้วนั้น ก็จะไม่เกิดอันตรายใดๆ
            มบด้วยดินรอยเท้า โดยหมอไสยศาสตร์ขุดเอาดินรอยเท้าของผู้ที่จะถูกมบใส่ภาชนะแล้วนั่งบริกรรมคาถา เสร็จแล้วนำดินรอยเท้าที่เสกคาถาแล้วนั้นไปโปรยที่ทางน้ำไหล ที่น้ำวน หรือทางสามแพร่ง เชื่อว่าผู้ถุกมบจะเสียสติและบ้าไปในที่สุด
มบด้วยลูกสะบ้า โดยหมอไสยศาสตร์หาลูกสะบ้าที่แก่จัดมา 1 ลูก เขียนชื่อและนามสกุลของผู้ที่จะให้มบลงบนเปลือกลูกสะบ้า แล้วหมอไสยศาสตร์นั่งบริกรรมคาถา เอาลูกสะบ้าหมุนสามครั้ง แล้วนำลูกสะบ้านั้นไปทิ้งลงในบ่อร้าง เชื่อว่าผู้ถุกมบจะเสียสติและเป็นบ้าไปในที่สุด


 3. มบเพื่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเสื่อความนิยมจากปวงชน
            การมบในระดับนี้จะกระทำในวงการศิลปิน เช่น หนังตะลุง โนรา เป็นต้น เพื่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียและความนิยมจากประชาชน วิธีการมบทำได้หลากหลายแบบตามแต่หมอไสยศษสตร์จะเห็นว่าเหมาะสมกับโอกาสและสถานที่ โอกาสที่จะมบกันส่วนใหญ่มักจะเป็นการแข่งขันประชันโรงเพื่อหวังผลแพ้ชนะ การมบที่ใช้กัน เช่น
           มบด้วยไข่ไก่ โดยเอาไข่ไก่ดิบ 1 ฟอง มาเขียนชื่อสกุลของศิลปินหรือคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามแล้วทำพิธีเสกคาถาว่า “โอม อุบอิบ อุบอับ โอม อุด มหาอุด” แล้วก็เป่าเพี้ยงลงไปที่ไข่ไก่แอบเอาไข่ไก่ไปฝังไว้หลังโรงแสดงฝ่ายตรงข้าม เชื่อว่าศิลปินที่ถูกมบนั้นจะว่ากลอนไม่ออกเหมือนกับไข่ไก่ที่อยู่ในเปลือกไข่ ถ้าหาทางแก้ไม่ได้ เชื่อว่าหนังตะลุงหรือโนราคณะนั้นจะเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ
            มบด้วยลม โดยหมอไสยศาสตร์นั่งทำพิธีมบบนโรงแสดง หันหน้าไปทางทิศที่ตั้งโรงแสดงของคู่แข่งขัน เสกคาถาว่า “โอมพระพรหม พระยม พระนารายณ์ กูจะล้างด้วยฤทธิ์ด้วยแรงของพระพาย สิทธิ สวาโหม” เสร็จแล้วเป่าลมไปทางทิศที่คู่แข่งขันอยู่ เชื่อกันว่าไฟที่จุดตามโรงแสดงของฝ่ายตรงข้ามจะดับทันที ถ้าเป็นไฟฟ้าหลอดจะขาด ไม่ต้องแสดงกันในคืนนั้น ถ้าขืนแสดงคนฝนโรงจะทะเลาะวิวาทกัน ไม่สามารถรวมตัวกันแสดงได้ หรือไม่ก็จะให้นายโรงฉุนเฉียวไม่มีอารมณ์ทำการแสดง แล้วก็แพ้ไปในที่สุด หัวหน้าคระหนังตะลุงหรือโนราบางรายหลังจากถูกมบแล้วขี้โมโหฉุนเฉียวจนแก้ไม่หายก็มี แล้วเลิกเป็นศิลปินไปในที่สุด
            มบด้วยมดคัน โดยหมอไสยศาสตร์จะไปนั่งตรงหน้าโรงหนังตะลุงหรือโนราคระตรงข้ามในที่มุมมืด ทำพิธีร่ายคาถาเรียกมดว่า “โอมมดคัน มหามดคัน มดคันทั้งหมดมานี่ มามามารวมกันตรงหน้า มาช่วยกันกัด ด้วยแรงมหามด สรรพยะ สิทธิญา โอมมามา” แล้วหมอก็เป่าลมส่ายศีรษะวนไปมาเมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว เชื่อกันว่าบรรดามดคันทั้งหลายจะมาชุมนุมกันหน้าโรงหนังตะลุงหรือโนราคณะตรงกันข้าม จะกัดคนดูจนไม่สามารถนั่งหรือยืนดูอยู่ได้ต้องหนีไปดูคณะหนังหรือโนราที่ให้หมอทำมบ การทำมบด้วยวิธีนี้เป็นการทำมบเพื่อให้แพ้ชนะเป็นครั้งคราวเท่านั้น
            มบด้วยคางคก โดยหมอไสยศาสตร์จับคางคกมาตัวหนึ่ง เขียนชื่อคณะหนังตะลุงหรือโนราที่มาทำการแข่งขันกับตนเองลงในกระดาษหรือใบไม้แห้งเล็กๆ แล้วเสกเป่าคาถา เช่นเดียวกับการมบแบบไข่ไก่ เสร็จแล้วพับกระดาษหรือใบไม้นั้นให้เล็กที่สุดยัดเข้าสไปในปากคางคก แล้วปล่อยคางคกนั้นไปเชื่อว่าคณะหนังตะลุงหรือโนราที่ถุกมบด้วยวิธีนั้นจะว่ากลอนไม่ออกเหมือนกับมีอะไรมาจุกปากเอาไว้
            มบด้วยมะนาว โดยหมอไสยศาสตร์ใช้มะนาว 1 ผล นั่งบริกรรมคาถาอยู่บนโรงแสดงของฝ่ายตนว่า “โอมกูจะล้าง (ออกชื่อคณะตรงข้าม) กูจะลบ (ออกชื่อคณะตรงข้าม) กูจะกลบ (ออกชื่อคระตรงข้าม) ให้มันสิ้นชื่อด้วยนะโมพุทธายะ” ขณะที่เสกคาถาอยู่นั้น ให้เอามะนาวใส่ในอุ้งมิทั้ง 2 ข้าง คลึงให้หมุนวนไปมาพร้อมกับว่าคาถา เสร็จแล้วใช้มีดผ่ามะนาวนั้นบีบน้ำมะนาวลงบนพื้นดิน เชื่อว่าจะทำให้หนังตะลุงหรือโนราคณะตรงข้ามเสียงเปี้ยวเหมือนมะนาว จนผู้ชมฟังไม้ได้ลุกหนีไปชมการแสดงของฝ่ายตน ถ้าแก้ไม่ได้หนังตะลุงหรือโนราคณะที่ถุกมบนั้นเสียงจะเลวลงไปเรื่อยๆ จนเสียชื่อเสียง และอาจเลิกเป็นสิลปิน การมบในระดับนี้มีหนังตะลุงและโนราหลายคระในภาคใต้ที่เลิกเป็นศิลปินอาชีพ เพราะเชื่อว่าคระของตนถูกคู่แข่งมบจนทำให้เสื่อมเสียความนิยมไป
            การมบด้วย 3 ระดับข้างต้นที่กล่าวมา หากรู้สาเหตุการมบหรือรู้ว่าถูกผู้ทำมบก็สามารถหาวิธีการแก้มบนั้นได้

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากเลยคับ เปนเว็บไซต์ที่มีประโยชน์มาก และทำให้ได้ความรู้

    ตอบลบ